1. สถานภาพการออกหนังสือรับรองการค้าระหว่างประเทศปัจจุบัน
หนังสือรับรองทางการค้าระหว่างประเทศที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ใบอนุญาต และหนังสือรับรองการนำเข้า-ส่งออกสินค้าทั่วไป
แผนภาพที่ 1 ปริมาณการออกหนังสือรับรองทางการค้าระหว่างประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์
ที่มา: กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ปริมาณการออกหนังสือรับรองทางการค้าระหว่างประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,015,028 ฉบับ โดยแบ่งเป็นหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า จำนวน 922,015 ฉบับ และใบอนุญาตและหนังสือรับรองการนำเข้า-ส่งออกสินค้าทั่วไป ซึ่งคิดเป็น ร้อยละ 90.8 และ 9.2 ตามลำดับ ซี่งหากดูอัตราการเติบโตเทียบกับปีที่ผ่านมานั้น พบว่าอัตราการเติบโตทั้งประเภทหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าและใบอนุญาตและหนังสือรับรองการนำเข้า-ส่งออกสินค้าทั่วไปลดลงร้อยละ 12.8 และ 5.0 ตามลำดับ ดังแสดงตามแผนภาพที่ 1
2. สถานภาพการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบัน
การให้บริการหนังสือรับรองนิติบุคคลและรับรองสำเนาเอกสารผ่านธนาคาร (e-Certificate) เป็นการดำเนินงานโครงการโดยความร่วมมือกันระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและธนาคารพาณิชย์ ด้วยการนำเทคโนโลยี "ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์" หรือ "Electronic Signature" มาใช้ในการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมการบริการภาครัฐที่อำนวยความสะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังนั้น หนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate)จึงเป็นเอกสารที่ได้รับการรับรองความถูกต้องตามกฎหมายเช่นเดียวกับเอกสารต้นฉบับ (ทีมา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
แผนภาพที่ 2 จำนวนสาขาธนาคารพาณิชย์ที่เปิดให้บริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
จำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์ที่เปิดให้บริการออกหนังสือรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2558 มีทั้งสิ้น 4,244 สาขาทั่วประเทศ ซึ้งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสาขาเพียง 3,954 สาขาถึงร้อยละ 7.3
แผนภาพที่ 3 ปริมาณหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ปริมาณหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค ปี พ.ศ. 2558 มีทั้งสิ้น 135,494 ฉบับ เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีการออกหนังสือรับรองฯ 113,590 ฉบับ มีอัตราการเติบโตร้อยละ 19.3 โดยในปี 2558 มีการเพิ่มในส่วนของภูมิภาคร้อยละ 22.7 และในส่วนของกรุงเทพฯ ร้อยละ 16.7