ITA
- 04 มี.ค. 67
-
305
-
ETDA ร่วมประกาศยืนยันเจตจำนง “พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยความ ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้”
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินหน้าเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีคุณธรรม และความโปร่งใสในการดำเนินงานปี 2567 รวมพลังทุกส่วนงาน ผู้บริหาร พนักงาน เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนมีทัศนคติ ค่านิยม ในการปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต พร้อมจัดมาตรการขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรม และความโปร่งใสให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น
1. การมีส่วนร่วมของผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริต และการส่งเสริมหน่วยงานด้านคุณธรรมความโปร่งใส
ETDA จัดกิจกรรม Get Together Day ซึ่งเป็นเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และความคิดเห็นระหว่างผู้บริหารและพนักงาน โดยเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ETDA ได้จัดกิจกรรม CEO Talk เพื่อมอบนโยบาย “ไม่รับของขวัญ และของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ETDA ที่เน้นย้ำให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานด้วยความ ซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยผู้บริหาร พนักงาน รวมถึงบุคลากรทุกคนของ ETDA ต้องไม่รับของขวัญ และของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) ทั้งในขณะปฏิบัติหน้าที่ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ และหลังปฏิบัติหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำอันส่งผลต่อดุลพินิจหรือการตัดสินใจในการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ หรือก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ตลอดจนก่อให้เกิดการทุจริต และประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ หากในกรณีจำเป็นต้องให้หรือต้องรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาหรือตามปกติประเพณีนิยม หรือเพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ก่อนการให้หรือรับของขวัญ ของที่ระลึก ของกำนัลหรือประโยชน์อื่นใด ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งนี้ สิ่งของหรือของขวัญหรือประโยชน์อื่นใดที่ให้หรือรับแก่กันนั้น ต้องมีมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท หากเกินกว่านั้น ให้รายงานการรับของขวัญต่อผู้บังคับบัญชา โดยต้องระวังการตีมูลค่าของขวัญหรือประโยชน์อื่นใดต่ำกว่าความเป็นจริง
ในการนี้ ผู้บริหาร และพนักงานรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของ ETDA ในการเป็นองค์กรที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม มีความโปร่งใสโดยร่วมกันประกาศเจตจำนงในการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยความครบถ้วน ถูกต้อง (Integrity) โปร่งใส (Transparency) ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ โดย ดร.ชัยชนะ เป็นผู้นำในประกาศเจตจำนงพร้อมกันในรูปแบบ Hybrid ที่ห้อง FEGO (ETDA) และผ่านระบบออนไลน์
2. การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร ให้พนักงานมีทัศนคติ ค่านิยม ในการปฏิบัติงานด้วยความเพียรและดำเนินชีวิตอย่างมีสติและมีเหตุผล
ETDA ได้จัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร ปลูกฝังให้พนักงานประพฤติปฏิบัติตนในการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความมุ่งมั่นขยันหมั่นเพียร และใช้ชีวิตอย่างมีสติตั้งอยู่บนความไม่ประมาท โดยมี พระธรรมเทศนา จาก พระมหาศักดิ์ชัย สาตฺถิโก วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร บรรยายธรรม ณ ETDA เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ในหัวข้อ “การปฏิบัติงานด้วยความเพียร และการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ”
โดยได้สอนถึงข้อคิดสำคัญที่ได้จากเรื่องพระมหาชนก ซึ่งเป็นนิทานชาดกแสดงถึงชาติปางก่อนของพระพุทธเจ้าที่เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก ทรงบำเพ็ญวิริยบารมีอย่างยิ่งยวด โดยหลังจากเรือที่พระมหาชนกโดยสารไปถูกพายุกระหน่ำ ถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดจนเรือแตก พระมหาชนกทรงปีนขึ้นไปบนยอดเสากระโดงเรือแล้วทรงกระโดดลงไปให้ไกลที่สุดเพื่อให้พ้นจากแรงดึงดูดของน้ำขณะที่เรือจม จากนั้นทรงพากเพียรว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรอยู่นานถึง 7 วัน 7 คืน โดยทรงยึดมั่นในเป้าหมายที่จะกอบกู้ราชสมบัติกลับคืนมาให้ได้ จนเทพธิดามณีเมขลาเห็นความเพียรพยายามของพระมหาชนกก็เกิดความเลื่อมใส จึงอุ้มพระองค์เหาะไปส่งไว้บนแผ่นศิลามงคลในพระราชอุทยานของมิถิลานคร
เห็นได้ว่าแม้จะมีอุปสรรคมากมายเพียงใด พระมหาชนกก็ยังคงพากเพียรจนกระทั่งบรรลุเป้าหมาย โดยไม่ละทิ้งความตั้งใจ โดยเหตุผลหลัก 3 ประการที่ทำให้พระมหาชนกทรงว่ายน้ำอย่างไม่ท้อถอยแม้จะเหน็ดเหนื่อยคือ
- แม้วันนี้จะมองไม่เห็นฝั่ง พรุ่งนี้อาจเห็นก็ได้ ดังนั้น เราก็ต้องมีชีวิตรอดถึงพรุ่งนี้ให้ได้ (
- หากเราว่ายน้ำจนตายไป อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะทำดีที่สุดแล้ว
- ผู้อื่นจะได้ไม่ตำหนิว่าทำไมจึงยอมแพ้ ทำไมจึงไม่สู้
ในชีวิตของเรานั้น หากเราทำดีที่สุด ทำทุกอย่างเต็มที่ ก็จะไม่มีช่องว่าสำหรับความเสียใจ แต่หากเราเจอโจทย์ยาก แล้วถอดใจไม่ทำ หรือเอาแต่บนบานศาลกล่าวขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย ก็ย่อมไม่มีทางทำสำเร็จได้เลย ดังนั้น เวลาเจอโจทย์ยาก เราต้องอย่ายอมแพ้ เพราะในชีวิตคนเรา ไม่มีใครได้อะไรมาโดยไม่เสียอะไรไป และไม่มีใครเสียอะไรไป โดยไม่ได้อะไรกลับมา อย่างน้อยที่สุดเมื่อเราทำไปแล้วไม่สำเร็จ เราก็ยังได้ประสบการณ์ล้ำค่าที่จะนำพาชีวิตเราให้ประสบความสำเร็จในครั้งต่อไป
ดังนั้น ขอให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ดีที่สุดด้วยความพากเพียร โดยยึดหลัก 3 ประการคือ “ทบทวนความเป็นมา รักษาความเป็นอยู่ พร้อมสู้ความเป็นไป”
- ทบทวนความเป็นมา คือ ทบทวนดูว่าในช่วงที่ผ่านมาชีวิตเราเจอวิกฤตหรืออุปสรรคอะไรบ้าง แล้วเราควรปรับปรุงอะไร ลองพิจารณาดูว่าหากเมื่อใดก็ตามที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้เลย นั่นคือเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเรา ปรับที่ตัวเราเพื่อให้อยู่ได้
- รักษาความเป็นอยู่ คือ สิ่งที่เรากระทำเพื่อให้อยู่รอดได้ แม้บางสิ่งเราไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ แต่ก็สามารถประคองไม่ให้เลวร้ายกว่าเดิมได้
- พร้อมสู้ความเป็นไป คือ เราไม่รู้ว่าวันต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราต้องถามตัวเองว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น เราพร้อมรองรับสถานการณ์นั้นหรือไม่
ขอให้นำหลัก 3 ประการนี้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและการใช้ชีวิต และให้ตั้งใจเสมอว่า ก้าวแรกที่เราเข้ามาทำงานที่องค์กรนี้ เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไร สุดท้ายแล้วขอให้จุดหมายปลายทางยังคงเป็นไปตามความตั้งใจเดิม และขอให้ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เต็มที่กับชีวิตเต็มที่กับการทำงาน แล้วจะไม่มีคำว่าเสียใจภายหลัง
นอกจากนี้ การดำเนินชีวิตนั้นจะต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ต้องใช้สติ ใช้ความคิด และเหตุผล มากกว่าการใช้อารมณ์หรือความรู้สึกในการดำเนินชีวิตหรือในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดขาดเหตุผล และท้ายที่สุดขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าสิ่งใดก็ตามที่กระทำออกไปจากตัวเรา ไม่ว่าด้วยทางกาย วาจา ใจ ที่สุดแล้วสิ่งเหล่านั้นจะสะท้อนย้อนกลับมาหาเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น ขอให้ทุกคนปฏิบัติงานและดำรงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ประพฤติตนเป็นคนดีมีคุณธรรม และดำรงตนอยู่ในศีลในธรรม ซึ่งจะส่งผลดีทั้งต่อตัวเราเองและองค์กรต่อไป