ETDA LOCAL DIGITAL
- 27 ก.ค. 65
-
1241
-
ETDA จัดดวลไอเดียธุรกิจ “Craft Idea” ทีม This heart for The Community (หัวใจดวงนี้เพื่อชุมชน) จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คว้าสุดยอดโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซชุมชน
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ (Final Pitching) ในกิจกรรม “Craft Idea” สร้างสรรค์ธุรกิจออนไลน์ สร้างรายได้ ชุมชนยั่งยืน ณ ชั้น 6 ห้องออดิทอเรียม ทรูดิจิทัล พาร์ค เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ดวลไอเดีย เฟ้นหาสุดยอดโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ พาสินค้า บริการชุมชนสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล สร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยทีม This heart for The Community (หัวใจดวงนี้เพื่อชุมชน) จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คว้ารางวัลชนะเลิศสุดยอดโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รองลงมา คือ ทีม DO PRO จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และทีม Poison angels จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า การส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยมีความสามารถในการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างมีคุณภาพ เกิดการสร้างรายได้และโอกาสที่ดี ผ่านการให้ความรู้ และการพัฒนาทักษะ ในรูปแบบต่างๆ ครอบคลุมในทุกภาคส่วนทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการ ภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และชุมชน คือหนึ่งในภารกิจที่ ETDA ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตโดยใช้ออนไลน์เป็นเครื่องมือมากขึ้น ได้กลายเป็นตัวเร่งให้ภาคธุรกิจ ภาครัฐ รวมถึงวิธีการทำงานของหลายๆ อุตสาหกรรมปรับเปลี่ยนอย่างฉับพลัน หลายธุรกิจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมในปัจจุบันโมเดลธุรกิจแบบออฟไลน์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะพาธุรกิจให้อยู่รอดการมีโมเดลธุรกิจที่พาสินค้าและบริการไปโลดแล่นบนโลกออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการหลายคนให้ความสำคัญโดยเฉพาะสินค้าและบริการในชุมชนที่ต้องการแผนธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงๆ เพื่อสร้างโอกาสและรายได้
ดังนั้น ETDA จึงเดินหน้าดำเนินโครงการ Business Pitching ผ่านกิจกรรม “Craft Idea” สร้างสรรค์ธุรกิจ ออนไลน์ สร้างรายได้ ชุมชนยั่งยืน เพื่อพัฒนาศักยภาพต่อยอดให้กับคนรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซ และด้านที่เกี่ยวข้องเข้าสู่ระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce Ecosystem) อย่างเป็นรูปธรรม สามารถนำองค์ความรู้ไปใช้งานจริง รวมไปถึงเปิดโอกาสให้มีเวทีแสดงความสามารถและมีโอกาสประชาสัมพันธ์สินค้าของชุมชนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสนับสนุนให้ชุมชนได้ใช้เครื่องมือดิจิทัลแพลตฟอร์มออนไลน์ในการดำเนินธุรกิจ หรือเป็น แนวทางในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้มีการเริ่มกิจกรรม เปิดรับสมัครทีมผู้เข้าแข่งขันจากเครือข่ายมหาวิทยาลัยใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมีเกณฑ์การรับสมัครคือ แต่ละทีมจะต้องรวมกลุ่มกันไม่เกินทีมละ 3 คน ไม่จำกัดเพศ และสมาชิกในทีมจะต้องมีอายุระหว่าง 18-36 ปี ซึ่งตั้งแต่เปิดรับสมัครเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ถึง 4 กรกฎาคม 2565 พบว่า คนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา ร่วมสมัครแข่งขันถึง 96 ทีม ก่อนที่คณะกรรมการจะทำการพิจารณาคัดเลือกในรอบแรกกันอย่างเข้มข้น จนได้ 11 ทีมสุดท้าย ที่เข้ามาสูงการแข่งขันประลองไอเดียแผนธุรกิจอีคอมเมิร์ซชุมชนที่ยั่งยืน ในรอบ Final Pitching ได้แก่
- ทีม Poison angels จากภาคอีสาน
- ทีม Beenefit จากภาคเหนือ
- ทีมเรื่องของตะกร้า จากภาคอีสาน
- ทีมกระถางต้นไม้จากเปลือกอ้อย จากภาคอีสาน
- ทีมแม่พริกขี้หนู จากภาคอีสาน
- ทีม The Pickled garlic จากภาคอีสาน
- ทีมหร่อยเฉย น้ำพริกกากไก่ จากภาคอีสาน
- ทีมกลุ่มน้ำพริกบ้านมาบมะค่า จากภาคอีสาน
- ทีม This heart for The Community (หัวใจดวงนี้เพื่อชุมชน) จากภาคใต้
- ทีมลูกอมกะทิสด จากภาคอีสาน
- ทีม DO PRO จากภาคใต้
ซึ่งช่วงวันที่ 19-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทั้ง 11 ทีมที่ผ่านเข้ารอบได้ผ่านการเข้าร่วม Workshop ทางออนไลนจากบรรดาเหล่ากูรูผู้เชี่ยวชาญคนดังในวงการดิจิทัลที่ยกทีมกันมาร่วมถ่ายทอดกลยุทธ์ทางด้านดิจิทัล เช่น ผศ.ดร.บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่มาถ่ายทอด “เทคนิคการทำตลาด ช่วยชุมชนให้โดนใจ” คุณรัญชิตา ศรีวรวิไล ผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจมีเดีย บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย แนะนำเทคนิค “ทำอย่างไรให้เข้าใจผู้บริโภคด้วยการใช้ Data Marketing” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อัญรินทร์ อมรอิสริยาชัย อาจารย์ด้านกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เทรนผู้เข้าแข่งขันเกี่ยวกับ “การเรียนรู้ช่องทางส่งเสริมการขายในยุคดิจิทัล” และคุณอานัส วัฒนวาทิน อาจารย์ด้าน Storytelling แห่ง Visual Training Plus เน้นเรื่อง “ศิลปะการเล่าเรื่องแบบกระชับ” พร้อมกับการให้คำปรึกษา สู่การพัฒนาแผนธุรกิจที่ตอบโจทย์การใชงานจริงของคนในชุมชนด้วย
ซึ่งในรอบ Final Pitching ในวันนี้จะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายรอบตัดเชือก ที่เปิดโอกาสให้ทุกทีมได้นำเสนอผลงานแผนธุรกิจรวมถึงแนวคิดในการเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนมาเป็นต้นแบบของการสร้างสรรค์แผนธุรกิจ ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ คุณอัจฉริยา เจริญศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), คุณรัชวุฒิ พิชยาพันธ์ CEO & CO-FOUNDER FIXZY แอปพลิเคชันจัดหาช่างเพื่อ ซ่อมแซมบ้าน, ดร.ณัฐพล ประดิษฐผลเลิศกรรมการและกรรมการบริหารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, อาจารย์กิตติศักดิ์ คุณาฤทธิพล อาจารย์ประจำคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BUSEM) และคุณอัจฉราพร หมุดระเด่น ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร และหัวหน้าสถาบัน ADTE by ETDA ที่ให้เกียรติมาร่วมตัดสินในครั้งนี้ ทีมละไม่เกิน 5 นาที
โดยหลักเกณฑ์การตัดสินในรอบชิงชนะเลิศ คณะกรรมการทั้ง 5 ท่านจะให้คะแนนจากการนำเสนอ (Pitching), ความเป็นไปได้ของการทำการตลาด, การดำเนินการได้จริงของแผนงาน รวมไปถึงการตอบโจทย์ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ผลจากการตัดสินร่วมกันของคณะกรรมการทุกท่าน พบว่า
ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ สุดยอดโมเดลแผนธุรกิจอีคอมเมิร์ซชุมชนจะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร คือ ทีม This heart for The Community (หัวใจดวงนี้เพื่อชุมชน) จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร คือ ทีม DO PRO จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร คือ ทีม Poison angels จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น
ส่วนอีก 8 ทีมที่เหลือ ได้แก่ ทีม Beenefit จากภาคเหนือ, ทีมเรื่องของตะกร้า จากภาคอีสาน, ทีมกระถางต้นไม้จากเปลือกอ้อย จากภาคอีสาน, ทีมแม่พริกขี้หนู จากภาคอีสาน, ทีม The Pickled garlic จากภาคอีสาน, ทีมหร่อยเฉย น้ำพริกกากไก่ จากภาคอีสาน, ทีมกลุ่มน้ำพริกบ้านมาบมะค่า จากภาคอีสาน และทีมลูกอมกะทิสด จากภาคอีสาน ได้รับรางวัลชมเชย พร้อมใบประกาศนียบัตร
โดยกิจกรรมในปีนี้ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้สนใจจำนวนมาก รวมถึงได้รับความร่วมมือหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมจัดงานไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ทรู ดิจิทัล พาร์ค (True Digital Park) รวมถึงความร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยใน 4 ภูมิภาคข้างต้น ซึ่ง ETDA เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนไทยได้จริง โดยในปีต่อไป ETDA จึงวางแผนในการขยายโอกาสและการดำเนินงานในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มมากขึั้น และจะมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องทุกปี
ติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ facebook.com/ETDA.Thailand หรือสอบถามเพื่มเติมได้ที่ [email protected]