e-Commerce
- 04 พ.ย. 64
-
1560
-
11.11 เทศกาลลดราคาออนไลน์ประจำปี กับโอกาสสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
โปรโมชันเพื่อส่งเสริมการขาย ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถดึงดูดใจผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการลดราคาสินค้าในเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งในอดีตเรามักคุ้นเคยกับเทศกาลลดราคาสินค้าของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น ในสหรัฐอเมริกา มีเทศกาลลดราคสินค้าอย่าง “แบล็กฟรายเดย์ (Black Friday)” ที่จัดขึ้นทุกปีในวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) หรือ ในวันเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคม ของทุกปี มีเทศกาลลดราคาสินค้า ที่ชื่อว่า “4th of July” หรือในฮ่องกงที่มีการจัด “Hong Kong Summer Sale” ลดราคาสินค้าทั้งเกาะในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของเกาะฮ่องกง ซึ่งเทศกาลเหล่านี้สามารถสร้างเม็ดเงินหมุดเวียนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้อย่างมหาศาล
แน่นอนว่าเมื่อโลกเข้าสู่ยุคของการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย ซึ่งผลสำรวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี 2564 ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Transactions Development Agency (ETDA) (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่า มูลค่าอีคอมเมิร์ซแบบ B2C ปี 2563 ยังคงมีมูลค่าสูงที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 2.17 ล้านล้านบาท (57.39%) และคาดการณ์มูลค่าอีคอมเมิร์ซแบบ B2C ปี 2564 ยังคงมีมูลค่าสูงที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 2.03 ล้านล้านบาท (50.59%)
ด้วยตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อบนโลกออนไลน์ก็ไม่แตกต่างจากตลาดออฟไลน์ โดยเทศกาลลดราคาที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดและถือเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่สุดของวงการอีคอมเมิร์ซคงหนีไม่พ้น เทศกาลลดราคา 11.11 ในวันที่ 11 พฤศจิกายนของทุกปี ที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2552 โดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Alibaba ภายใต้การนำของ “แจ๊ก หม่า” จนกระทั่งได้รับความนิยมถึงปัจจุบัน ส่งผลให้หลายแพลตฟอร์มได้ร่วมจัดกิจกรรมแคมเปญนี้ด้วย และกลายเป็นหนึ่งในเทศกาลลดราคาที่สำคัญที่สุดของวงการอีคอมเมิร์ซทั่วโลก
จุดกำเนิดของมหกรรมลดราคา 11.11
จุดเริ่มต้นของมหกรรมลดราคา
11.11 นั้น เริ่มมาจากแนวคิดเรื่อง
“วันคนโสด หรือ Single Day” ที่เกิดขึ้นในช่วงยุค 90 โดยนักศึกษาจีนในมหาวิทยาลัยหนานกิงกลุ่มหนึ่ง ได้กำหนดให้วันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน ให้เป็นวันคนโสด ด้วยเหตุผลจากการเปรียบตัวเลขของวันอย่าง 11/11 เป็นเหมือนท่อนไม้ 4 ท่อนที่โดดเดี่ยวไม่ต่างจากความโสดของคน นักศึกษาจึงได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมสังสรรค์สไตล์คนโสดเพื่อเปิดโอกาสให้ได้รู้จักผู้คนมากขึ้น รวมทั้งมีกิจกรรมต่าง ๆ หรือทำกิจกรรมเพื่อตัวเองอีกมากมาย
จากกิจกรรมสนุก ๆ ของวัยรุ่นกลุ่มเล็ก ๆ เกิดความนิยมจนแพร่หลายไปทั่วประเทศจีน คล้ายเป็นธรรมเนียมว่าเมื่อถึงวันที่ 11/11 คนโสดก็มีกิจกรรมที่ทำเพื่อตัวเองกัน ซึ่งกิจกรรมยอดฮิตหนีไม่พ้นการชอปปิงสิ่งของเพื่อตัวเอง คล้ายกับวันแห่งความรักที่คนมีคู่มักซื้อของให้กันนั่นเอง
จนในที่สุดเมื่อปี 2552
แจ๊ก หม่า CEO ใหญ่แห่งอาลีบาบากรุ๊ป ก็ได้จัดกิจกรรมพิเศษที่เรียกว่า
“ดับเบิ้ล อีเลเว่น (Double-11)” เพื่อเอาใจคนโสดขึ้น โดยลดแลกแจกแถมและจัดโปรโมชันสินค้ากว่า 2 หมื่นยี่ห้อบนแพลตฟอร์ม ซึ่งผลตอบรับนั้นเรียกได้ว่า ‘มหาศาล’ เลยทีเดียว
การช่วยกระตุ้นการซื้อขายสินค้าบนตลาดอีคอมเมิร์ซและได้รับการตอบรับอย่างดีเพิ่มขึ้นในทุกปี สะท้อนได้จากตัวเลขการจัดกิจกรรม 11.11 ในเว็บไซต์ Alibaba ปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องถึง 11 วัน มีมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มรวมกว่า 498.2 พันล้านหยวน หรือกว่า 74.1 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าตัวเลขจากปี 2552 เกือบ 2 เท่า
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นส่งผลให้
11.11 กลายเป็นเทศกาลลดราคาสินค้าครั้งใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซที่หลายแพลตฟอร์มให้ความสนใจและร่วมจัดแคมเปญในวันคนโสดขึ้น ซึ่งนอกจากในวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายนแล้ว หลายแพตฟอร์มก็ได้มีการจัดแคมเปญลดราคาสินค้าในทุกวัน ด้วยเลขสวยของเดือน เช่น วันที่ 8.8 9.9 และ 10.10 เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการขายของแต่ละแพลตฟอร์มนั่นเอง
11.11 กับ ผู้ซื้อ: ซื้อของอย่างไร ให้สุดคุ้ม
สำหรับมหกรรมลดราคาสินค้าที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเป็นช่วงเวลาที่นักชอปหลายคนรอคอยที่จะได้ซื้อสินค้าในราคาพิเศษและโปรโมชันต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สินค้าลดราคาตั้งแต่ 20-90% โปรโมชันพิเศษ เช่น ส่วนลดค่าจัดส่ง ดีลสินค้าราคาพิเศษ โค้ดรับเงินคืน ฯลฯ และช่วงเวลา Flash Sale คือ สินค้าราคาพิเศษที่มีขายในช่วงเวลาและจำนวนที่จำกัด
ดังนั้น มารู้จัก
5 เคล็ดลับดี ๆ สำหรับผู้ซื้อ ให้สามารถซื้อของได้อย่างคุ้มค่าในเทศกาลลดราคาสินค้าปีนี้ ที่แต่ละแพลตฟอร์มจัดขึ้นกันดีกว่า
1. เลือกดูสินค้าและสังเกตราคาก่อนเข้าร่วมโปรโมชันให้ดี
ก่อนจะเริ่มแคมเปญ
11.11 อยากแนะนำให้ทุกคนได้สำรวจราคาสิ่งค้าที่ต้องการซื้อเสียก่อนว่า สินค้าในราคาปกติก่อนเข้าร่วมโปรโมชั่นลดราคานั้นมีราคาเท่าไร เพราะบ่อยครั้งที่บางร้านใช้โอกาสติดป้ายลดราคาเพื่อร่วมแคมเปญ แต่ถือโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้แพงกว่าปรกติ ดังนั้น ควรศึกษาความแตกต่างของราคาสินค้าก่อนและหลังร่วมโปรโมชันให้ดี รวมทั้งเปรียบเทียบราคาสินค้าชนิดเดียวกันจากหลายร้านค้าเพื่อให้ได้สินค้าในราคาที่คุ้มค่าที่สุด
2. ศึกษาร้านค้าก่อนเลือกซื้อ
การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าออนไลน์เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญที่
ควรทำ ไม่ใช่แค่การซื้อสินค้าในช่วงโปรโมชันเท่านั้น แต่เป็นทุกครั้งที่เราซื้อสินค้าออนไลน์ วิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ในการตรวจสอบร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นการตรวจดูว่าร้านค้านั้น ๆ ได้รับการรับรองจากแพลตฟอร์มหรือไม่ อ่านรีวิวสินค้าจากผู้ซื้อคนอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจ หรืออ่านนโยบายดูแลหลังการขาย/การเคลมสินค้าของร้าน
3. ศึกษาโปรโมชันพิเศษ/โค้ดส่วนลด
ในช่วงที่มีการจัดแคมเปญลดราคาสินค้า นอกจากจะเป็นช่วงเวลาที่ร้านค้าต่าง ๆ เสนอขายสินค้าราคาพิเศษแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่หลายร้านค้าได้มอบให้กับผู้ซื้ออีกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชันพิเศษอย่างการ ซื้อ 1 แถม 1 ฟรีค่าจัดส่งสินค้า หรือการแจกโค้ดลดราคา on top เพิ่มเติมจากราคาโปรโมชันที่อาจลดราคาสินค้าของเราได้สูงสุดถึง 90% ผู้ซื้ออย่างเราก็ควรที่จะติดตามข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ เหล่านี้จากร้านค้าไว้ให้ดี เนื่องจากบ่อยครั้งสิทธิพิเศษต่าง ๆ จะมีจำนวนจำกัด หากอยากได้สินค้าในราคาที่สุดคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม ก็ควรทำการศึกษาเงื่อนไขโปรโมชัน ระยะเวลาที่เข้าร่วมโปรโมชัน และเตรียมตัวเก็บโค้ดส่วนลดในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ร้านค้าได้จัดเตรียมไว้ให้ผู้ซื้ออย่างเรานั่นเอง
4. เตรียมตัวให้พร้อมกับ “ช่วงเวลาดี”
หากถามว่าช่วงเวลาดีของมหกรรมลดราคาสินค้าในวันพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 11.11, 10.10, 9.9 ฯลฯ คือช่วงเวลาไหนบ้างที่จะได้สินค้าในราคาที่สุดคุ้ม คำตอบคือ ช่วงเวลาเที่ยงคืน กับ ช่วงเวลา Flash Sale นั่นเอง
สำหรับในช่วงเวลา
เที่ยงคืนที่ถือเป็นเวลาดีนั้นเพราะทุกแพลตฟอร์มจะเริ่มต้นกิจกรรมกันตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าสู่วันจัดกิจกรรมลดราคา ซึ่งในช่วงเวลานี้จะมีทั้งการแจกโค้ดส่วนลดต่าง ๆ ให้ได้เลือกเก็บไว้ใช้ในระยะเวลาที่กำหนด การเปิดให้ซื้อสินค้าราคาพิเศษ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมายที่แพลตฟอร์มและผู้ขายพร้อมที่จะเสนอให้กับผู้ซื้อ โดยบ่อยครั้งที่สินค้าราคาพิเศษมีจำนวนจำกัดรวมถึงจำกัดช่วงเวลาซื้อ และยิ่งหากเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการสูง สินค้านั้นก็จะขายหมดภายในระยะเวลาไม่เพียงกี่นาทีเท่านั้น
ส่วนของช่วงเวลา
Flash Sale จะเป็นช่วงเวลาจัดโปรโมชันที่ร้านค้า/แพลตฟอร์มกำหนดขึ้นในนระยเวลาจำกัด เช่น ลดราคาพิเศษ 1 ชั่วโมง เริ่มต้นเที่ยงวัน, ลดราคาพิเศษ 2 ชั่วโมง, ลดราคาสินค้าในช่วงเวลา 10.00-11.00 น. ซึ่งแต่ละร้านค้าก็อาจจะมีการจัดกิจกรรมในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป
ดังนั้น เพื่อให้สามารถซื้อสินค้าราคาพิเศษที่อาจมีจำนวนจำกัดได้สำเร็จตามที่ต้องการ การศึกษาเงื่อนไขการลดราคาของแต่ละร้านค้า และเตรียมตัวให้พร้อมกับ
“ช่วงเวลาดี” เพื่อไม่ให้พลาดการซื้อสินค้าที่ต้องการ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญเช่นกัน
5. เตรียมตัวให้พร้อมกับ “ช่วงเวลาดี”
เมื่อกดสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายของกิจกรรมจะอยู่ที่การได้รับสินค้าที่ได้ทำการสั่งซื้อในช่วงมหกรรมลดราคาต่าง ๆ นั่นเอง เมื่อได้รับสินค้าควรรีบตรวจสอบสินค้าให้ละเอียดทุกครั้งเผื่อในกรณีที่เกิดข้อพิพาทจากสินค้าที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็น ได้รับสินค้าไม่ตรงปก ได้รับสินค้าผิดชนิด หรือสินค้าชำรุด เจะได้สามารถส่งเคลม/คืน ร้านค้าได้ทันท่วงที
สำหรับข้อแนะนำของการตรวจรับสินค้า เมื่อได้รับสินค้าแล้วควรถ่ายวิดีโอทุกขั้นตอนในการเปิดรับสินค้าเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันให้แก่ทางร้านในกรณีเกิดความเสียหายต่าง ๆ นอกจากนี้ควรระมัดระวังการเซ็นรับพัสดุ/สินค้าให้ดี เพราะในช่วงเวลาของการจัดมหกรรมสินค้าลดราคามักมีมิจฉาชีพที่อาจจะได้ข้อมูลส่วนตัวเราจากที่ต่าง ๆ ไป และหลอกจัดส่งสินค้าแบบเก็บเงินปลายทางให้เซ็นรับทั้งที่ไม่ได้สั่งซื้อ ซึ่งบางทีการสั่งซื้อของเยอะ ๆ ในช่วงเวลานี้อาจทำให้เผอเรอจนลืมเซ็นรับของทั้งที่ไม่สั่งก็เป็นได้ รวมทั้งควรแจ้งญาติหากเราไม่อยู่รับของเพื่อไม่ให้ทุกคนต้องตกเป็นเหยื่อ ซึ่งจะทำให้สูญเสียทรัพย์สินและเงินทองได้นั่นเอง
11.11 กับ ผู้ขาย: โอกาสสร้างการรับรู้และสร้างเม็ดเงิน
นอกจากประโยชน์ที่เกิดจากผู้ซื้อแล้ว มหกรรมลดราคาสินค้าออนไลน์ที่แต่ละแพลตฟอร์มจัดขึ้น ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในมุมของผู้ขายเช่นกัน เพราะนี้คือช่วงเวลาที่ถือเป็นโอกาสในการส่งเสริมการขาย การสร้างการรับรู้และเม็ดเงินให้แก่ร้านค้าได้เป็นอย่างดี เพราะร้านค้าที่เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับความสนใจและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในจำนวนมาก ซึ่งมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อยๆ สำหรับเป็นข้อแนะนำให้ร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวให้ได้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. ศึกษารายละเอียดการเข้าร่วมโปรโมชันสำหรับร้านค้าให้ดี
ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมแคมเปญลดราคาที่แต่ละแพลตฟอร์มจัดนั้น ให้เริ่มจากการศึกษารายละเอียดการเข้าร่วมโปรโมชันที่แต่ละแพลตฟอร์มกำหนดเสียก่อน เพราะแต่ละแพลตฟอร์มจะมีเงื่อนไข ค่าคอมมิชชัน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับแคมเปญแตกต่างกันออกไป เช่น ค่าโฆษณา ค่าแบนเนอร์ หรือบริการเสริมอื่น ๆ ซึ่งค่าบริการพวกนี้จะถือเป็นหนึ่งในต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับร้านค้า
2. เตรียมร้านค้าและทีมงานให้พร้อม
หลังจากตัดสินใจเข้าร่วมแคมเปญมหกรรมลดราคาเรียบร้อย สิ่งต่อมาที่ร้านค้าควรทำคือการเตรียมความพร้อมของร้านค้าและทีมงานให้เรียบร้อย
การเตรียมความพร้อมของร้านค้าจะมีหลากหลายมุมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดหน้าร้านค้าออนไลน์ให้มีความสวยงาม การแจ้งรายละเอียดสินค้าอย่างครบถ้วน แจ้งข้อมูลบริการหลังการขาย การเติมสต็อกสินค้า การจัดการโค้ดส่วนลด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี ในขณะที่การเตรียมความพร้อมของทีมงานที่จะคอยตอบคำถามข้อสงสัยของผู้ซื้อจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยปิดการขายได้อีกทาง เพราะยิ่งสามารถตอบสนองต่อความต้องการหรือข้อสงสัยของลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากเท่าไร ก็จะสามารถจัดการปิดการขายผู้ซื้อได้เร็วเท่านั้น ซึ่งจะยิ่งเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ร้านค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อย่าลืมเตรียมทีมงานจัดการออเดอร์ที่สามารถรองรับคำสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน
3. คำนวณต้นทุน-กำไรให้เหมาะสม
ในการได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมแคมเปญให้ได้มากที่สุดและป้องกันไม่ให้เกิดการขาดทุนขึ้น ร้านค้าควรคำนวณต้นทุนและกำไรให้เหมาะสม อย่างที่ทราบกันว่าการเข้าร่วมแคมเปญและการลดราคาสินค้าย่อมเกิดต้นทุนที่มากกว่าช่วงเวลาปกติ เพื่อแลกมากับการสร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ของร้านค้า ดังนั้น อาจคำนวณยอดขายและกำไรแบบรายเดือนดูว่า การเข้าร่วมแคมเปญในหนึ่งครั้งต่อมูลค่ายอดขายรายเดือนทั้งหมด เมื่อหักลบต้นทุนการดำเนินการต่าง ๆ แล้ว กำไรที่ร้านได้รับนั้นในแต่ละเดือนเหมาะสมหรือไม่นั่นเอง
ทั้งหมดข้างต้น เป็นเพียงเคล็ดลับขั้นพื้นฐานเท่านั้น สำหรับใครที่สนใจอยากจะศึกษาเรื่องราวการทำธุรกิจออนไลน์หรืองานอบรมเพื่อผู้ประกอบการก้าวสู่ Digital Transformation เพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่
www.etda.or.th หรือโซเชียลมีเดีย ETDA Thailand ในทุกช่องทาง หรือใครมีประสบการณ์ทั้งในแง่ของการเป็นผู้ซื้อและผู้ขายในช่วงมหกรรมลดราคาสินค้าออนไลน์ ก็สามารถเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ผ่านช่องทางเหล่านี้กับเราได้เช่นกัน