e-Commerce
- 14 พ.ค. 64
-
3251
-
Blockchain จะเปลี่ยนโลกของ e-Commerce ได้อย่างไร
ปัจจุบันเรามักได้ยินคำว่า บล็อกเชน (Blockchain) และ บิตคอยน์ (Bitcoin) กันอยู่บ่อย ๆ ตามหน้าข่าวเทคโนโลยี เพราะถือเป็นเทรนด์แห่งโลกยุคดิจิทัลที่มีการพูดถึงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีการใช้งานกันค่อนข้างแพร่หลายอยู่ทั่วโลก แต่ก็ยังคงมีคนสับสนเรื่องราวของ บล็อกเชน และ บิตคอยน์ อยูไม่น้อย...
บล็อกเชน ≠ บิตคอยน์
หลายคนอาจสับสนว่า
บล็อกเชน กับ บิตคอยน์ คือสิ่งเดียวกันหรือไม่ ด้วยชื่อที่ดูคล้ายคลึงกัน หรือสับสนเพราะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่ค่อนข้างใหม่ แต่ในความจริงแล้ว
บล็อกเชน หรือ
Blockchain คือ การเก็บข้อมูล (Database) รูปแบบหนึ่งของระบบที่ไม่มีศูนย์กลาง เมื่อมีการเขียนข้อมูลลงในบล็อกเชน ข้อมูลที่มีจะกระจายไปในเครือข่ายของบล็อกเชน ทำให้แก้ไขได้ยาก ในส่วนเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของบล็อกเชนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกลไกธรรมาภิบาล (Governance) ของแต่ละเครือข่ายที่ต่างกันออกไป ขณะที่
บิตคอยน์ หรือ
Bitcoin เป็นเพียงหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยนทางดิจิทัลได้
แม้โดยความหมายแล้วสองเทคโนโลยีนี้จะไม่ใช่สิ่งเดียวกันอย่างที่หลายคนสับสน แต่ทั้งสองก็ยังมีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงระหว่างกันและกัน เพราะ
บล็อกเชน เป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง บิตคอยน์ นั่นเอง
บล็อกเชน จะเข้ามาพัฒนาและเปลี่ยนแปลงโลก e-Commerce ได้อย่างไร
นอกจากเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังสกุลเงินบิตคอยน์แล้ว ปัจจุบัน
บล็อกเชน ได้มีการนำมาใช้งานกับหลากหลายแวดวงธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่หลายแพลตฟอร์มเริ่มนำบล็อกเชนเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาและอำนวยความสะดวกให้การซื้อขายออนไลน์เป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น
ด้วยคุณสมบัติเด่นของระบบที่ไม่มีศูนย์กลาง ดังนั้นเมื่อนำมาใช้ในแง่ของ
การเงินจึงเปรียบเสมือนกับการทำธุรกรรมโดยไม่ผ่านศูนย์กลางหรือคนกลาง เช่น ธนาคาร หรือ ผู้ให้บริการด้านการเงิน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านการทำธุรกรรม ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการจ่ายเงินผ่านคนกลางหรือแพลตฟอร์ม เพราะบล็อกเชนเข้ามาทำให้ผู้ซื้อสามารถทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าจากผู้ขายได้โดยตรงนั่นเอง
นอกจากในแง่ของการทำธุรกรรมทางการเงินแล้ว บล็อกเชนยังสามารถเข้ามาช่วย
บริหารจัดการการขนส่งสินค้าได้อีกเช่นกัน โดยผู้ซื้อจะสามารถเห็นข้อมูลทุกขั้นตอนของการจัดส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการจัดส่งสินค้า การตรวจสอบข้อมูลการขนส่งย้อนกลับ (Traceability) เพื่อดูต้นทางที่มาที่ไปของสินค้าที่ผู้ซื้อสั่งซื้อ และอื่น ๆ นอกจากช่วยลดภาระแล้วยังช่วยเพิ่ม
ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ขาย และลดความกังวลใจให้ผู้ซื้อได้อีกเช่นกัน เพราะสินค้าที่สั่งซื้อสามารถทำการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ได้นั่นเอง
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายแพลตฟอร์มที่นำบล็อกเชนเข้ามาช่วยจัดการการขนส่งสินค้า เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนอย่าง Alibaba ได้ทำความร่วมมือกับบริษัทลูกในเครือด้าน FinTech อย่าง Ant Financial พัฒนาการใช้บล็อกเชนบนแพลตฟอร์ม Koala หนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเครือ Alibaba ที่ให้บริการแบบ CBEC หรือ Cross-Border e-Commerce ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อสามารถค้นหาข้อมูลการจัดส่งสินค้าโดยละเอียด ผ่านการสแกน QR Code กับ Alipay อีกทั้งยังเพิ่มระบบป้องกันการปลอมแปลงลายนิ้วมือเพื่อเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ในแวดวงธุรกิจอีคอมเมิร์ซเท่านั้น บล็อกเชน ถือเป็นเทคโนโลยีที่นิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการขนส่ง (Logistics) เช่นกัน โดยแพลตฟอร์มเพื่อการขนส่งอย่าง TradeLens ก็ได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้ติดตามระบบการขนส่ง ช่วยให้การขนส่งมีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงขึ้น จนได้รับความไว้วางใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลากหลายเจ้าในการใช้บริการ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท IBM นั่นเอง
แม้ปัจจุบันว่าการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ยังมีความท้าทายและสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมากมาย แต่นี่ก็ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีแห่งโลกยุคดิจิทัลนั่นเอง
อ้างอิง: