Digital Trend
- 19 ก.ย. 67
-
73
-
ETDA เปิดอินไซต์ SMEs พื้นที่ “EEC – ภาคใต้” ชี้เป้า Transform ปลดล็อกความสำเร็จ! ให้ “SMEs GROWTH” ยิ่งขึ้น
หนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของประเทศไทย คือ การก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งหากมองลงลึกที่ประเทศไทย พบว่า ที่ผ่านมา SMEs มีบทบาทในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่ 35.2% ของ GDP ประเทศ (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์, 2565) โดยถือว่าเป็นแหล่งรองรับการจ้างงานสูงถึง 70% ของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ
ดังนั้น การส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถของ SMEs ให้รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญที่หลายภาคส่วนต้องเร่งดำเนินการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจโดยรวม การเตรียม SMEs ให้พร้อมสู่โลกดิจิทัลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน…
แต่เราจะเร่งติดสปีด SMEs ในพื้นที่ไหน? กลายเป็นคำถามสำคัญ เพราะแน่นอนว่า การพัฒนา SMEs พร้อมกันทั้งประเทศ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรอย่างมหาศาล เพราะข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)เมื่อปี 2566 มี SMEs มาขึ้นทะเบียนถึง 3.2 ล้านราย ทำให้การเลือก SMEs ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่หลายหน่วยงานเลือกใช้ และหากถามว่า SMEs ในพื้นที่ไหนที่เป็นหมุดหมายที่ควรลงไปให้การสนับสนุน เชื่อว่า 2 พื้นที่ที่หลายคนต่างนึกถึงหนีไม่พ้น SMEs ในพื้นที่ EEC (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) และ ภาคใต้ ที่เหมาะแก่การเป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาต่อและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ที่หลายภาคส่วนต่างให้ความสนใจ เช่นเดียวกับ ETDA หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาททั้งในมุม Regulator และ Promoter ซึ่งไม่เพียงทำหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล แต่ยังมีบทบาทในการส่งเสริมควบคู่กันไปด้วย ทั้งในกลุ่มภาครัฐ SMEs ชุมชน จนไปถึงประชาชน เพื่อให้พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น ที่ปีนี้ก็ได้พุ่งเป้าในการพัฒนา SMEs ใน 2 พื้นที่นี้เช่นกัน เนื่องจากพื้นที่ EEC เขตเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ เป็นศูนย์กลางของการลงทุนด้านอุตสาหกรรมขั้นสูง ส่วนพื้นที่ภาคใต้ ก็เป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจ มีศักยภาพสูงในการเติบโต ที่มีทั้งการค้า การบริการการเกษตร และการท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของไทย อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนที่มุ่งพัฒนากลไกและมาตรการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่
บทความนี้จะพาทุกคนไปร่วมเจาะลึกถึงความพร้อมของ SMEs ใน 2 พื้นที่ ทั้ง EEC และภาคใต้ พร้อมชี้เป้าการทำ Digital Transformation เพื่อปลดล็อกความสำเร็จ! ให้ “SMEs GROWTH” ยิ่งขึ้น
เจาะอินไซต์ SMEs ใน ‘EEC-ภาคใต้’ Transform ถึงไหน?
จากการสำรวจ SMEs ในพื้นที่ EEC (ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง) จำนวน 400 ราย และ พื้นที่ภาคใต้ 449 ราย โดย ETDA ในช่วงต้นปี 2567 พบว่า ผู้ประกอบการใน 2 พื้นที่นี้ยังคงต้องเผชิญความท้าทายในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ
โดยเฉพาะ SMEs ในพื้นที่ EEC ส่วนใหญ่ยังพบข้อจำกัดที่ส่งผลต่อการปรับใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น การขาดทักษะด้านดิจิทัล ต้นทุนเทคโนโลยีที่สูงและขาดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล แม้มีความท้าทาย แต่ SMEs ในพื้นที่ EEC ก็เริ่มมีนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจโดยเทคโนโลยีที่ถูกนำไปใช้งาน ได้แก่ ระบบบัญชี-การเงิน, e-Commerce, CRM, ระบบ ERP, ระบบอัตโนมัติ (Automation), IoT และโซเชียลมีเดีย ซึ่งตอบโจทย์ทั้งภาคการผลิตและการบริการ โดยธุรกิจภาคการผลิต มักใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการองค์กร ขณะที่ ธุรกิจบริการและค้าปลีก/ค้าส่ง จะเลือกใช้โซเชียลมีเดียเพื่อประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับลูกค้า อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อย ยังคงมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีในระดับที่ไม่สูงมาก มีค่าใช้จ่ายด้านดิจิทัล น้อยกว่า 5% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ด้าน SMEs ในพื้นที่ ภาคใต้ ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสามารถบรรลุเป้าหมายบางส่วนได้ แต่ยังมีความท้าทาย เช่น ความซับซ้อนของเทคโนโลยีดิจิทัล ขาดทักษะด้านดิจิทัล รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ไม่เพียงพอ แต่ทว่า SMEs ในภาคใต้ ก็เริ่มให้ความสนใจในการนำเทคโนโลยีมาใช้เช่นเดียวกับพื้นที่ EEC เช่น ระบบบัญชี-การเงิน, e-Commerce และ CRM โดยการนำมาปรับใช้ในธุรกิจ แต่ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่เนื่องจากความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเผชิญกับข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำเป็นต่อการพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวรายย่อยที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่ยังขาดความพร้อมทั้งในมุมประสบการณ์และทักษะในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ หากมองความพร้อมภาพรวม จากการวัดความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลที่อ้างอิงผลการสำรวจ Digital Maturity Index ของ ETDA พบว่า SMEs ในพื้นที่ EEC และ ภาคใต้ อยู่ในระดับ Digital Follower ซึ่งถือว่า มีความพร้อมในระดับปานกลาง เช่นเดียวกับ SMEs ส่วนใหญ่ทั่วประเทศ
ถึงพร้อมไม่มาก แต่ SMEs ใน ‘EEC-ภาคใต้’ ชี้ชัดต้องการ Transform
แม้ว่า SMEs ส่วนใหญ่ใน 2 พื้นที่ มีความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ในระดับปานกลาง ท่ามกลางความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านหลากหลายด้าน แต่ SMEs กลับตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาต่างมองเห็นประโยชน์และให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี มาช่วยยกระดับการทำงานและการทำธุรกิจ และต้องการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยในพื้นที่ EEC ความสนใจหลักของ SMEs อยู่ที่ระบบบริหารจัดการลูกค้า (CRM) มากที่สุด ตามมาด้วย ระบบบริหารจัดการร้าน (ERP) และระบบบัญชี-การเงิน (ACC) เป็นต้น ส่วน SMEs ในภาคใต้ ความต้องการ ระบบบัญชี-การเงิน ตามด้วยระบบ ERP และระบบ e-Commerce และระบบ CRM
โดยภาพรวมต่างมองตรงกันว่า เทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดย SMEs ในพื้นที่ EEC มองว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ไม่ต่างจาก SMEs ในพื้นที่ ภาคใต้ ที่มองว่า เทคโนโลยีดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า ขยายโอกาสทางรายได้จากกลุ่มลูกค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลอดจนส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจโดยรวม
จากอินไซต์สู่ความสำเร็จ: ETDA ปิดช่องว่างด้วยโปรเจค ‘SMEs GROWTH’
จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของ SMEs ในพื้นที่ EEC และ ภาคใต้ สู่จุดเริ่มต้นของ ETDA ในการพัฒนาโมเดลที่เข้ามาปิดช่องว่างและตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ผ่านโครงการ ‘SMEs GROWTH’ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก ภายใต้แนวคิด ‘พลิกโฉม SMEs ไทย เติบโตได้อย่างยั่งยืน’ เพื่อมุ่งสร้างความพร้อมให้ SMEs สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สู่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
‘SMEs GROWTH’ ไม่ได้เน้นเพียงการถ่ายทอดความรู้ แต่ยังมีกิจกรรมหลากหลายที่ครอบคลุมทั้งการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาด้านดิจิทัล และการพัฒนาโซลูชันเฉพาะสำหรับ SMEs โดยมีการร่วมมือกับ Tech Provider เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ตรงกับความต้องการ เช่น การนำระบบ ERP, CRM, และ e-Commerce มาปรับใช้ในธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิผล ตัวอย่างความสำเร็จจากโครงการนี้ ไม่เพียงช่วยให้ SMEs มีความคล่องตัวมากขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี แต่ยังช่วยให้ Tech Provider สามารถขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ในตลาดใหม่ๆ แบบเจาะจง ถือเป็นการผลักดันเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นไปพร้อมกัน
‘SMEs GROWTH’ สำหรับปีนี้ ได้ปิดฉากความสำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อย นับเป็นหนึ่งโมเดลตัวอย่างดีๆ จาก ETDA ที่พัฒนาขึ้นเพื่อ SMEs ไทย ที่ไม่เพียงเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง SMEs, Tech Provider และหน่วยงานต่างๆ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนอีกด้วย
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของโครงการ SMEs GROWTH ได้ที่ เว็บไซต์ของ ETDA หรือ ที่เพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand