TOP

Sitemap

Sitemap Descriptions

เกี่ยวกับ สพธอ.

บริการของเรา

Knowledge Sharing

ปัจจัยอะไรบ้าง…ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce

e-Commerce Documents
  • 18 พ.ค. 64
  • 14360

ปัจจัยอะไรบ้าง…ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce

Key Takeaways

  • ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 24 ประเทศทั่วโลก พบว่า 22% พลเมืองโลก บอกว่าพวกเขาไม่เคยซื้อของออนไลน์ โดยเหตุผลหลัก คือ ขาดความเชื่อมั่นในการซื้อของออนไลน์
  • Model of trust in  E-Commerce หรือ (MoTEC) กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นใน 4 มิติ ได้แก่ มิติที่ 1 มิติที่เกิดขึ้นก่อนการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย มิติที่ 2 มิติการเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย มิติที่ 3 มิติด้านข้อมูลที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อเริ่มสำรวจเว็บไซต์ และ มิติที่ 4 มิติด้านการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
  • ความท้าทาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce เริ่มตั้งแต่ ขั้นตอนก่อนการซื้อ ขั้นตอนการซื้อ และขั้นตอนหลังซื้อสินค้าและบริการ
  • ปัจจุบันประเทศไทยได้มีแนวทาง มาตรการที่ช่วยส่งเสริมการทำ e-Commerce และการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยมาตรการส่วนหนึ่งสอดคล้องกับการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อผู้ขาย เช่น การออกเครื่องหมายรับรองผู้ขายออนไลน์ การคุ้มครองผู้บริโภคทางออนไลน์ การออกแนวทางการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และ การบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 

Building-Trust-in-e-Commerce-ETDA_1.jpg

ทำไมบางคนถึงยังไม่ซื้อสินค้าทางออนไลน์

ปัจจุบันการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์เป็นที่นิยม และแพร่หลายอย่างมาก จะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ในประเทศไทย เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด  จากผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2563[1] พบว่า 67.3% ผู้ตอบแบบสำรวจ บอกว่า พวกเขาใช้อินเทอร์เน็ตในการซื้อสินค้าออนไลน์ แม้ว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 10% แต่จะเห็นได้ว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งถึง 32.7% ที่ไม่ซื้อสินค้าทางออนไลน์
 
ผลสำรวจออนไลน์ในปี 2017 ของ CIGI-Ipsos [2]จากกลุ่มตัวอย่าง 24 ประเทศทั่วโลก พบว่า 22% ของพลเมืองโลกบอกว่าพวกเขาไม่เคยซื้อของออนไลน์ โดย มีเหตุผลหลัก คือ ขาดความเชื่อมั่นในการซื้อของออนไลน์
 
22% of online global citizens say they never buy goods or services online
– and of those, the key reason they do not is a lack of trust.
 
ความเชื่อมั่นในการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการซื้อขายสินค้าในช่องทางปกติแบบดั้งเดิม เนื่องจากไม่ได้มีการเดินทางไปยังร้านค้า พบหน้าผู้ขายโดยตรงรวมถึงเห็นสินค้าและบริการของจริงก่อนชำระเงิน ทำให้ผู้บริโภคต้องประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ขายจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน

นอกจากการขาดความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ไม่เคยซื้อของออนไลน์แล้ว สำหรับผู้ที่ได้มีการซื้อของออนไลน์ก็ยังพบปัญหามากมาย จากสถิติสรุปเรื่องร้องเรียนออนไลน์ 1212OCC ระหว่างเดือนตุลาคม 2562–กันยายน 2563 มีทั้งหมด 44,907 ครั้ง โดยปัญหาซื้อขายทางออนไลน์ถึง 20,300 ครั้ง เป็นอันดับ 2 รองจากปัญหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำ e- Commerce ในครั้งต่อไป

Building-Trust-in-e-Commerce-ETDA_2.jpg

ปัจจัยอะไรบ้าง...ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce

นักวิชาการมากมายได้พยายามอธิบายปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce ในรูปแบบของทฤษฎีต่าง ๆ ได้แก่ ทฤษฎีความเชื่อมั่นของ Ganzaroli, Tan & Thoen (1999) [3]เชื่อว่าความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรม (Transaction Trust ) เกิดจากความเชื่อมั่นในตัวผู้ขาย (Party Trust) และความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีที่ใช้ (Control Trust) สามารถเขียนเป็นสมการได้ว่า Party Trust + Control Trust = Transaction Trust

ต่อมาได้มีการพัฒนาโมเดลที่ซับซ้อนมากขึ้นโดย Egger (2000) ที่มีชื่อว่า “Model of trust in E-Commerce หรือ (MoTEC)” ประกอบด้วย 4 มิติ และปัจจัยที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในมิติต่าง ๆ

Building-Trust-in-e-Commerce-ETDA_11.jpg

มิติที่ 1 Pre-Interactional Filters มิติที่เกิดขึ้นก่อนการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้ซื้อก่อนเข้าชมเว็บไซต์เป็นครั้งแรก ซึ่งจะประกอบไปด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่
  • User Psychology จิตวิทยาของผู้ซื้อ
  • Pre-purchase Knowledge ความรู้ที่มีอยู่ก่อนการซื้อ
มิติที่ 2 Interface Properties  มิติการเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายหรือความประทับใจในครั้งแรกเมื่อเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งจะประกอบด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่
  • Branding การสร้างภาพลักษณ์ของบริษัท
  • Usability การใช้งานของเว็บไซต์
มิติที่ 3 Informational Content มิติด้านข้อมูลที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อเริ่มสำรวจเว็บไซต์ และประเมินจากข้อมูลที่พบเห็นบนเว็บไซต์
  • Competence (Products and Services) ความสามารถของบริษัท ด้านสินค้าและบริการ
  • Risk (Security and Privacy) ความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
มิติที่ 4 Relationship Management มิติด้านการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย กล่าวถึงว่าเว็บไซต์ของผู้ขายจะสามารถจัดการความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไร
  • Pre-purchase and Post-purchase Interactions ปฏิสัมพันธ์ก่อนและหลังซื้อสินค้าและบริการ
  • Trust over Time การสร้างความเชื่อมั่นเมื่อเวลาผ่านไป

ความท้าทาย (Challenges) ในการสร้างความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce

จากทฤษฎีที่กล่าวข้างต้น ทำให้เห็นถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ยังมีความท้าทายมากมายที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนี้ ซึ่งยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการมาตรการที่ชัดเจน ความท้าทายเหล่านั้นมีอะไรบ้าง

บทความของ UNCTAD เรื่อง  The Global Governance of Online Consumer Protection and   E-commerce Building Trust [4]ได้กล่าวถึง ความท้าทายของการคุ้มครองผู้บริโภคที่ส่งผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce โดยได้มีการแบ่งความท้าทายตามลำดับของพฤติกรรมผู้ซื้อเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ “ก่อนการซื้อ” “การซื้อ” และ “หลังการซื้อ” สินค้าและบริการ

Building-Trust-in-e-Commerce-ETDA_5-(1).jpg
 
ขั้นตอน ความท้าทาย
ก่อนการซื้อ
 
การได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ (Information asymmetry)
โดยยังคงพบความท้าทายในการที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีข้อมูลไม่เท่ากัน เช่น ผู้ซื้ออาจจะไม่ทราบตัวตนและที่อยู่ของผู้ขายทางออนไลน์
การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม (Unfair commercial practices)
เนื่องจากมักมีการใช้เทคนิคทางการตลาดมากมาย ซึ่งอาจรวมถึงการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนและการโฆษณา ที่อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้
การส่งโฆษณาโดยมิได้ร้องขอ (สแปม) (Unsolicited electronic commercial communications (spam))
ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล กล่องข้อความ โซเชียลมีเดีย อาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัว และความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ
การซื้อ
 
สัญญาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic contracts)
แต่ละประเทศจำเป็นต้องมีกฎหมายที่รองรับว่า การทำสัญญาแบบออนไลน์นั้น มีผลตามกฎหมาย
เงื่อนไขในสัญญา (Contract terms)
ในการกำหนดเงื่อนไขในสัญญา ต้องมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ และคำนึงถึง “ความเป็นธรรม” ของทุกฝ่าย
ความสับสนในตัวผู้ขาย สถานที่ตั้ง และสถานะ (Confusion on seller location and status)
ในบางกรณีผู้ซื้ออาจสับสนว่าตนเองกำลังซื้อสินค้ากับแพลตฟอร์มโดยตรง หรือผู้จัดหาสินค้า (Supplier)
การมีช่วงเวลาระหว่างยกเลิก เปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อ (Cooling-off period)
สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ซื้อที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ยกเลิกคำสั่งซื้อที่ผิดพลาด ทำให้ในบางประเทศต้องกำหนดระยะเวลาที่สามารถเปลี่ยนแปลง ยกเลิกคำสั่งซื้อได้
ความมั่นคงปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์ (Online payment security)
ผู้ซื้อส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องความมั่นคงปลอดภัยในการชำระเงิน จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal data protection)
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลผิดวัตถุประสงค์ หรือขอมากเกินความจำเป็น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ
หลังการซื้อ
 
 
กฎความรับผิด (Liability rules)
ความท้าทายหลังการซื้อที่ต้องมีกฎ มาตรการ การรับผิดเมื่อเกิดข้อผิดพลาด เช่น คุณภาพของสินค้าที่ถูกจัดส่งเสียหาย การจัดส่งล่าช้า
การระงับข้อพิพาท (Dispute resolution)
ว่าเป็นการควบคุมดูแลของภาครัฐ หรือเอกชนสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง
 
Building-Trust-in-e-Commerce-ETDA_12.jpg
Building-Trust-in-e-Commerce-ETDA_8-(1).jpg

วันนี้...ประเทศไทยมีแนวทาง มาตรกาอะไรบ้าง ที่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce

ปัจจุบันหน่วยงานทุกภาคส่วนได้มีแนวทาง มาตรการต่าง ๆ ทั้งในเชิงนโยบาย และการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมการทำ e-Commerce กันอย่างมากมาย มาตรการส่วนหนึ่งสอดคล้องกับการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อผู้ขาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักด้านให้การทำ e-Commerce รวมถึงการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เติบโตต่อไป โดยตัวอย่างเช่น

1. การสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้าออนไลน์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการออกเครื่องหมายการค้าทางออนไลน์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้าออนไลน์ โดยมี 2 เครื่องหมาย ดังนี้
  • DBD Registered คือ เครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรับรองว่าผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ได้ยืนยันการมีตัวตนอยู่จริงในการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
  • DBD Verified คือ เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ออกให้แก่ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยจดทะเบียนและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อรับรองความน่าเชื่อถือ และแสดงว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ประเมินตามมาตรฐานคุณภาพธุรกิจ e-Commerce ของกรมฯ จำแนกเป็น 3 ระดับ คือ Silver, Gold และ Platinum (เครื่องหมาย DBD Verified จะมีความน่าเชื่อถือในระดับที่สูงกว่า DBD Registered)
ในส่วนของภาคเอกชนเอง อย่างแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเองยังมีการคิดค้นวิธีการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้าของตน ทั้ง การให้เรตติงร้านค้า การให้เครดิตร้านค้า และการติดป้ายร้านค้าแนะนำ นอกจากนี้ยังมีระบบรีวิวสินค้า ที่จูงใจให้ผู้ซื้อรีวิวสินค้าหรือร้านค้าที่ตนใช้บริการ และได้รับผลตอบแทนในรูปเหรียญหรือการส่งเสริมการค้าอื่น ๆ สำหรับการซื้อสินค้าในครั้งต่อไป การที่ร้านค้าได้เรตติงที่ดีประกอบกับการได้รับรีวิวจำนวนมากจะถูกเชื่อว่าเป็นร้านค้าที่มีตัวตนจริง มีสินค้าและส่งสินค้าตามจริง ทำให้สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อรายอื่นเพิ่มมากขึ้น

2. การคุ้มครองผู้บริโภค ปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐมากมายที่คอยช่วยเหลือ รับเรื่องร้องเรียนทางออนไลน์สำหรับผู้ซื้อที่มีปัญหาจากการซื้อสินค้าและบริการ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ หน่วยที่งานทุกคนนึกถึงเป็นลำดับแรกอาจเป็น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยปัจจุบันมีช่องทางการร้องเรียนทางออนไลน์โดยตรงผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของหน่วยงาน รวมถึงบริการสายด่วน 1166 หรือการร้องเรียนเรื่องสินค้าประเภทอาหารและยา ทาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีเว็บไซต์รับเรื่องร้องเรียน และสายด่วน 1556 เช่นกัน นอกจากทั้งสองหน่วยงานข้างต้น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) ได้รับมอบหมายจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้จัดตั้ง ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 1212OCC (Online Complaint Center) ขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่พึ่งสำคัญของคนที่มีปัญหาจากการซื้อขายออนไลน์ โดยใช้มุมมองของผู้บริโภคมาเป็นแนวทางในการพัฒนากลไกการรับเรื่องร้องเรียน  และเพื่อให้การซื้อขายสินค้าออนไลน์น่าเชื่อถือและมั่นคงปลอดภัยมากที่สุด โดยจับมือดำเนินงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สคบ. อย. ตลอดจน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) 

นอกจากหน่วยงานภาครัฐแล้ว ยังมีมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคจากภาคเอกชน โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่ให้บริการ โดยมีมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคทั้งกรณีการสั่งซื้อที่ผิดพลาด การชำระเงินแล้วไม่ได้รับสินค้า การขนส่งล่าช้า รวมถึงการชำรุดของสินค้า มาตรการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อ และตัวแพลตฟอร์มเอง

3. แนวทางการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature Guideline) ในการทำการค้าออนไลน์หากต้องมีการทำสัญญาทางการค้า การทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จำเป็นจะต้องมีแนวทาง และสามารถเลือกใช้วิธีลงลายมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสมกับธุรกรรม โดย ETDA ได้ออก ข้อเสนอแนะมาตรฐานฯ ว่าด้วยแนวทางการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ฯ 3 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่1: ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบใด ๆ (กล่าวคือ เป็นอักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) ที่มีลักษณะ ตามที่กำหนดในมาตรา 9 แห่งกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างของรูปแบบของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภทที่ 1 เช่น การพิมพ์ชื่อไว้ท้ายเนื้อหา ของอีเมล การสแกนภาพของลายมือชื่อที่เขียนด้วยมือและแนบไปกับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การใช้สไตลัส (stylus) เขียนลายมือชื่อด้วยมือลงบนหน้าจอและบันทึกไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์การคลิกปุ่มแสดง การยอมรับหรือตกลง การทำเครื่องหมายในช่องแสดงการยอมรับ ทั้งนี้รวมถึงการใช้ระบบงานอัตโนมัติ (automated workflow system) ที่มีการยืนยันตัวผู้ใช้งานมาประกอบกับรูปแบบของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภทที่ 1 ข้างต้นด้วย

ประเภทที่ 2: ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะตามที่กำหนด ในมาตรา 26 แห่งกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตัวอย่างของรูปแบบของลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ประเภทที่ 2 เช่น ลายมือชื่อดิจิทัลที่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ (Public Key Infrastructure: PKI)

ประเภทที่ 3: ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ซึ่งใช้ใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรอง ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ซึ่งใช้ใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรอง เป็นลายมือ ชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะตามที่กำหนดในมาตรา 26 และอาศัยใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการ ออกใบรับรองเพื่อสนับสนุนลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามที่กำหนดในมาตรา 28 แห่งกฎหมายว่าด้วย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตัวอย่างของรูปแบบของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภทที่ 3 เช่น ลายมือชื่อ ดิจิทัลที่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะและใช้ใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรอง

4. การบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ที่ขยายเวลาบังคับใช้เป็นวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565) การให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่มีความกังวล การมีบังคับใช้กฎหมายจะมีส่วนช่วยให้ผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นในการให้ข้อมูลมากยิ่งขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce มากขึ้นเช่นกัน โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีสาระสำคัญในเรื่องของ การให้ความยินยอมในการเก็บรวมรวมข้อมูล วัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูล รายละเอียดผู้เก็บข้อมูล การถอนสิทธิ์ความยินยอม ฯลฯ

Building-Trust-in-e-Commerce-ETDA_13.jpg

จากแนวทางและมาตรการที่มีในปัจจุบัน เห็นได้ว่าล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยในการสร้างความเชื่อมั่นเพื่อส่งเสริมการทำ e-Commerce อย่างไรก็ตาม การสร้างความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ในการใช้เทคโนโลยี การปฏิบัติตามกฎหมาย มาตรการ นโยบายต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมสร้างความเชื่อมั่น รวมถึงวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เข้ามาเป็นเครื่องช่วยกระตุ้นเร่งให้เกิดการพัฒนาและปรับตัวให้เร็วมากยิ่งขึ้น
 

ความเชื่อมั่นในการทำ e-Commerce ครอบคลุมตั้งแต่ ก่อนการซื้อ ขณะซื้อ และหลังซื้อสินค้าและบริการ

File Download

  • 18 พ.ค. 64
  • 0
Size5446 KB
Rating :
Avg: 0 (0 ratings)