Digital Trend
- 12 ก.ค. 65
-
3806
-
ETDA สรุป 5 ข้อใหญ่ เช็คสเตตัสอนาคต Streaming Platform คนไทย ชาวครีเอเตอร์กลุ่ม ‘บันเทิง-กีฬา-ข่าว’ พร้อมหรือยัง?
ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคของการสตรีมมิ่ง ที่คนส่วนใหญ่มักเสพคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Netflix, Viu, Disney+ hotstar, iQIYI และ Spotify แทนที่การดูโทรทัศน์แบบเดิมๆ เพราะมีอิสระในการเลือกดูวัน-เวลาใดก็ได้หรือเลือกดูย้อนหลังก็ได้ตามสะดวก รวมถึงสามารถใช้ชมการถ่ายทอดสดหรือไลฟ์สด ที่บรรดาเหล่าคนดัง ประชาชนทั่วไป ใช้เป็นพื้นที่ไลฟ์สดนำเสนอคอนเทนต์ของตัวเองเพื่อสร้างรายได้หรืออาชีพ หรือแม้แต่หลายองค์กรก็นำมาใช้ประชุมออนไลน์ จึงส่งผลให้สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม (Streaming Platform) เติบโตขึ้นรวดเร็ว แต่ทว่า Streaming Platform ส่วนใหญ่ ที่คนไทยใช้บริการและเสียค่าใช้จ่ายทุกวันนี้กลับเป็นของต่างชาติ แล้วทำอย่างไร? คนไทยจะมี Streaming Platform สัญชาติไทยใช้มากขึ้น
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) (Electronic Transactions Development Agency) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หน่วยงานที่ทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน และดูแลการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ รวมถึงการทำมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และกฏหมายเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ร่วมกับ บริษัท มาร์เก็ตเมทริกซ์ เอเชีย จำกัด ที่ปรึกษาธุรกิจมืออาชีพที่ใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาช่วยยกระดับขีดความสามารถในเชิงธุรกิจของผู้ประกอบการทัดเทียมในตลาดโลก ทำการศึกษา Business Model ของ Streaming Platform เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจยุค Platform Economy จัดงาน “ทิศทางอนาคต Streaming Platform ไทย ทำได้ ทำอย่างไร” นำเสนองานศึกษาเพื่อเป็นอีกทางเลือกให้คนไทยได้มีโอกาสเติบโตในโลกออนไลน์ได้อย่างมีคุณภาพ ผ่าน Streaming Platform ที่เป็นของคนไทยเอง รวมถึงโอกาสการเติบโตของ Content Creator ไทย ใน Streaming Platform พบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
1. ความนิยมสื่อออนไลน์แทนที่สื่อดั้งเดิมพุ่งขึ้น และคนไทยชอบดูคอนเทนต์เรียลๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนไทยกว่า 26 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 3 ใช้รับชม content ผ่าน OTT (Over-The-Top) หรือบริการรับชมวิดีโอตามความต้องการ (Video on Demand) ที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตและรับชมได้ในทุกที่ทุกเวลา ซึ่งใช้เวลาดูคอนเทนต์ออนไลน์เหล่านี้ ประมาณ 1-3 ชั่วโมงต่อวัน และ 92% ของคนไทยใช้ OTT มากกว่า 1 แพลตฟอร์ม ขณะที่คอนเทนต์ที่เน้นความเรียล ไม่เป็นทางการ โปรดักชันไม่ต้องอลังการ กลายเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่คนไทยชอบ ซึ่งส่งผลต่อผู้มีชื่อเสียงกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ที่แม้จะเป็นรายใหญ่ แต่ก็เริ่มปรับแนวทางการผลิตคอนเทนต์ที่เน้นความใกล้ชิดกับคนดูเพิ่มมากขึ้นแทน หรือประชาชนทั่วไป ก็สามารถใช้กล้องโทรศัพท์มือถือ สร้างคอนเทนต์อัปโหลดขึ้นบนแพลตฟอร์มและให้คนอื่นเข้ามาชมได้ ดังนั้น แพลตฟอร์ม (Platform) จึงเปรียบเสมือนเวทีให้เหล่าครีเอเตอร์หน้าใหม่ๆ ปล่อยของแจ้งเกิดได้เช่นกัน
2. สิ่งสำคัญของการมี Streaming Platform คือต้องมีระบบนิเวศของอุตสาหกรรม Streaming Platform ซึ่งประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
- ผู้ผลิตอุปกรณ์รับส่งที่เป็น Hardware
- สื่อกลางสัญญาณ (Transmission)
- สื่อกลางผู้กระจายหรือรวบรวมเนื้อหา
- ผู้ผลิตสื่อและเนื้อหา รวมถึงสตูดิโอถ่ายทำ และเจ้าของลิขสิทธิ์รายการต่างๆ และ
- หน่วยงานสนับสนุน อาทิ หน่วยงานรัฐ สมาคม สมาพันธ์เอกชนที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษา และนักลงทุน เป็นต้น
3. “บันเทิง-กีฬา-ข่าว” 3 กลุ่มคอนเทนต์ ที่ทำให้ Streaming Platform เติบโต? จากผลสำรวจโดยบริษัท มาร์เก็ตเมทริกซ์ เอเชีย จำกัด พบว่า 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะมีโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดบน Streaming Platform มากที่สุด ดังนี้
- กลุ่มบันเทิง เป็นกลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ เพลง รายการวาไรตี้ จากผลสำรวจ พบว่า ในปี 2563 รายได้ภาพยนตร์และวีดิทัศน์เฉพาะสตรีมมิ่ง มากกว่า 38,003 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของอุตสาหกรรม และรายได้เพลงเฉพาะสตรีมมิ่งทั้งไทย เกาหลี มีมากกว่า 1,700 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรม โดยปัจจัยหลักที่ดึงดูดผู้ชมกลุ่มนี้ มักเป็นลักษณะภายนอก เช่น ปกคลิป ผู้ดำเนินรายการ หรือแม้แต่คลิปที่เป็นกระแสนิยม เนื้อหาจะต้องมีความเฉพาะตัว แปลกใหม่ อุปกรณ์โปรดักชันมีคุณภาพ
- กลุ่มนันทนาการ เป็นกลุ่มกีฬา การท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ เกม e-Sport ยกตัวอย่าง กีฬาฟุตบอลไทยลีก (Thai League) ได้สนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ผ่านช่องทางสตรีมมิ่ง ในช่วงระหว่างปี 2560-2563 ไปมากกว่า 4,200 ล้านบาท หรือในปี 2563 กีฬาเกม e-Sport มีรายได้อยู่ที่ราว 2.4 หมื่นล้านบาท โดยปัจจัยที่ดึงดูดผู้ชมคือ เนื้อหาหรือผู้ดำเนินรายการ ที่ให้ความสนุกสนานบันเทิงแก่ผู้ชม ทักษะการพูดน่าสนใจ
- กลุ่มสาระ เป็นกลุ่มข่าว การศึกษา ความรู้ทั่วไป ฝึกอบรมและการพัฒนาตัวเอง ที่คนดูมักเรียนรู้ข้อมูลหรือทักษะใหม่ๆ เพิ่มเติมโดยไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่สถาบันต่างๆ เช่นก่อน เช่น สื่อ The Standard มีรายได้ในปี 2562 มากกว่า 142 ล้านบาท ผลกำไรมากกว่า 32 ล้านบาท และมีผู้ติดตามมากกว่า 180,000 คน หรือปี 2564 สถานีโทรทัศน์ Thai PBS เปิดตัว VIPA (วิภา) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่นำเสนอรายการสาระต่างๆ เป็นต้น โดยปัจจัยที่ดึงดูดผู้ชม คือ ตรงกับความสงสัยหรือใครรู่ เช่น การทำอาหาร การทำธุรกิจ
4. การสตรีมมิ่งเติบโตขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2566 จากการวิเคราะห์ตลาด OTT Streaming Platform ในประเทศไทย มีประมาณการสัดส่วนผู้ชม OTT เติบโตขึ้นในปี 2566 คาดว่า ยอดคนไทยดู Streaming 2.10 ล้านราย คิดเป็น 3.04% ของประชากรไทยทั้งหมด และทั่วโลกดู Streaming 968.32 ล้านราย คิดเป็น 12.10% ของประชากรทั้งโลก สัดส่วนของผู้ใช้บริการแบบวิดีโอสตรีมมิ่งสูงกว่าบริการรับชมสด เนื่องจากบริการแบบวิดีโอสตรีมมิ่งเข้ากับพฤติกรรมเลือกรับชมเฉพาะคอนเทนต์และรายการที่ตนเองสนใจ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยช่วงเวลาออกอากาศที่แน่นอนและสะดวกสบายเข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน แต่ปัญหาคือ ความเต็มใจที่จะเปลี่ยนจากลูกค้าแบบทดลองดูฟรีสู่การสมัครใช้บริการสตรีมมิ่ง ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการนำเสนอสิทธิประโยชน์ subscriber เช่น ได้ดูคอนเทนต์เนื้อหาเต็มก่อนใคร นำระยะเวลาการรับชมมาแลกรางวัล หรือการพัฒนาสร้างคอมมูนิตี้ระหว่าง Content Creator กับผู้ชม เพื่อสร้างฐานแฟนคลับ เป็นต้น
5. โมเดลธุรกิจของ Streaming Platform ไทย ทำได้ ชูเสน่ห์ท้องถิ่น เนื่องจากไทยยังไม่สามารถสู้กับแพลตฟอร์มรายใหญ่ เช่น YouTube หรือ Netflix ได้ และอีกหนึ่งปัญหาคือ เรื่องภาษา และ ความนิยมชมคอนเทนต์ออนไลน์แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นการผลิตคอนเทนต์ด้วยกลยุทธ์ Long Tail ในรูปแบบแพลตฟอร์มท้องถิ่น และคอนเทนต์ท้องถิ่น (Local Content) จึงเหมาะกับการขับเคลื่อนสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มของผู้ประกอบการไทย ภายใต้แนวคิดที่เชื่อว่า “รายได้จากสินค้าหมวดรอง เมื่อรวมกันแล้วอาจจะสูงกว่ารายได้สินค้าขายดีที่เป็นหมวดหลักก็ได้” โดยรวบรวมและนำเสนอเนื้อหาที่มีความแตกต่างเฉพาะ มีเสน่ห์เฉพาะตัวและเป็นกระแสความต้องการ ในด้านมุมมองความสนใจ วัฒนธรรม และภาษา เช่น สร้างภาพยนตร์เป็นภาษาเหนือ ภาษาอีสาน ผลิตคอนเทนต์วิถีชีวิตคนอีสาน และการทำคอนเทนต์แปลงภาษากลางให้เป็นภาษาเหนือหรือภาษาอีสานผสมกัน เป็นต้น เพื่อเตรียมพร้อมป้อนสู่ตลาดหลัก (Mainstream Platform)
นอกจากนี้การทำเนื้อหาคอนเทนต์ต่างๆ ที่ส่งเสริม SMEs ร่วมด้วย คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี และที่สำคัญที่สุดคือ ลดเงินหลั่งไหลออกต่างประเทศได้ปีละ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ อีกหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของโมเดลธุรกิจ Streaming Platform ไทยคือ การสร้างความยั่งยืนแก่สังคม โดยตั้งใจเป็นหนึ่งในช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่คุณครู ในการใช้ Streaming Platform เป็นพื้นที่นำเสนอคอนเทนต์เชิงการศึกษา และสาระความรู้นอกห้องเรียน ที่เด็กทั่วประเทศจะได้สนุกสนานกับการเรียนรู้เนื้อหาผ่านมุมมองของครูที่แตกต่างกัน ทำให้เด็กมี ความรู้เชิงลึกขึ้น และครูก็ได้รับรายได้เสริมจากค่าโฆษณาที่ส่งกลับมา นับเป็นการเปิดโอกาสการเรียนรู้และช่วยประเทศไทยในภาพรวมไปด้วยกัน
โดยสรุปทั้งหมด จากผลการศึกษาเบื้องต้น การสร้าง Streaming Platform ไทย จะสามารถตอบโจทย์เป้าหมายเชิงเศรษฐกิจได้ ดังนี้
- ส่งเสริมการสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการระดับ SMEs ใน 15 กลุ่ม Creative Economy สู่การสร้าง Soft Power Economy
- กระจายรายได้สู่เนื้อหาท้องถิ่น และผู้ผลิตเนื้อหารายย่อย
- ลดการไหลออกของรายได้สู่ต่างประเทศ
- ลดต้นทุนในการผลิตคอนเทนต์ให้แก่ Mainstream Platform และเป้าหมายเชิงสังคม ดังนี้
1. ถ่ายทอดวัฒนธรรมและมุมมองที่แตกต่างของแต่ละท้องถิ่นไทยสู่สายตาชาวโลก
2. บริหารความเสี่ยง ลดการพึ่งพิงแพลตฟอร์มทั่วโลก และ
3. บริหารด้าน Cyber Security ได้ดีขึ้นจากการใช้ทรัพยากรท้องถิ่น
ติดตามข้อมูลข่าวสารน่าสนใจของ ETDA เพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.etda.or.th เพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand รวมทั้งโซเชียลมีเดีย ETDA Thailand ทุกช่องทาง หรือรับฟัง “ทิศทางอนาคต Streaming Platform ไทย ทำได้ ทำอย่างไร” ย้อนหลังได้ที่ https://bit.ly/3bFpXDr