e-Commerce
- 18 มิ.ย. 64
-
8278
-
Check-in 10 ตลาดอีคอมเมิร์ซ ใหญ่ที่สุดในโลก
อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ถือเป็นปรากฏการณ์ “การซื้อ-ขาย” สินค้า ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของรูปแบบการดำเนินชีวิต ทั้งในแง่ของ ผู้ซื้อ ผู้ขาย และการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นอย่างมากในช่วงทศตรวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทั่วโลก ตลาดอีคอมเมิร์ซกลายเป็นเศรษฐกิจสำคัญที่เติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปีและมีมูลค่ามหาศาล
วันนี้ ตามไปรู้จักกับ 10 ประเทศทรงอิทธิพล จากการมีตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดในโลก กันดีกว่า
1. สาธารณรัฐประชาชนจีน (CHINA)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 672 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 15.9%
จีน ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซที่เป็นผู้ครองแชมป์ประเทศที่มีตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการสร้างอาณาจักรของบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังอย่าง
Alibaba group ผู้เป็นหัวเรือใหญ่และบริษัทแม่ของบริษัทด้านกับอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง Alibaba, Tmall และอื่น ๆ โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึงปีละ 35% และแน่นอนว่านอกจากจะเป็นประเทศยักษ์ใหญ่แห่งอีคอมเมิร์ซที่หลายประเทศให้ความสนใจแล้ว จีน ยังถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซที่รวดเร็วที่สุดในโลกอีกด้วย!
2. สหรัฐอเมริกา (United States)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 340 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 7.5%
หลังจากเป็นผู้นำแห่งวงการอีคอมเมิร์ซมานานนับทศวรรษ ตอนนี้สหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้ครองความยิ่งใหญ่ของตลาดอีคอมเมิร์ซ อันดับที่ 2 รองจาก จีน เสียแล้ว ทั้งนี้วงการอีคอมเมิร์ซของสหรัฐฯ นั้น นำโดยใครไม่ได้นอกจาก
บรรพบุรุษแห่งวงการอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon และ eBay ที่อยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน นั่นเอง ซึ่งสหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตของวงการอีคอมเมิร์ซที่เรียกได้ว่า Healthy แทบทุกมิติ เพราะเป็นต้นกำเนิดของหลากหลายนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยพัฒนาวงการอีคอมเมิร์ซโลกให้ดีขึ้นนั่นเอง
3. สหราชอาณาจักร (United Kingdom)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 14.5%
(เว็บไซต์ https://www.amazon.co.uk/)
แม้เป็นตลาดที่มีขนาดไม่เท่า 2 ยักษ์ใหญ่ในอันดับ 1 และ 2 แต่ สหราชอาณาจักร ก็ยังคงเป็น TOP 3 ของตลาดโลกได้อย่างสบาย ๆ นำโดย 3 แพลตฟอร์มยอดนิยมประจำประเทศอย่าง Amazon U.K., Argos และ Play.com และถึงมีมูลค่าทางการตลาดที่แตกต่างจาก 2 ยักษ์ใหญ่โลก แต่
ส่วนแบ่งทางการตลาดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมค้าปลีกของประเทศนั้นไม่น้อยเลย เพราะกินส่วนแบ่งได้ถึง 14.5% เป็นรอง จีน เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
4. ญี่ปุ่น (Japan)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 5.4%
(เว็บไซต์ https://www.rakuten.co.jp/)
อันดับที่ 4
ผู้นำแห่งตลาด “เอ็มคอมเมิร์ซ” หรือ m-Commerce (Mobile Commerce) หรือจะเรียกว่าเป็นอนาคตแห่งอีคอมเมิร์ซก็ว่าได้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขาใหญ่ของญี่ปุ่นจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก Rakuten เรียกได้ว่า นอกจากเป็นขาใหญ่ในประเทศบ้านเกิดแล้ว ยังขยายอาณาจักรไปสู่หลายประเทศจากการเข้าซื้อกิจการอีคอมเมิร์ซของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
5. เยอรมนี (Germany)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 8.4%
(เว็บไซต์ https://www.otto.de/)
เยอรมนี ถือเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของยุโรป ที่เป็นรองเพียงสหราชอาณาจักรเท่านั้น ที่นำโดยแพลตฟอร์มชื่อดังระดับโลกอย่าง U.K. Amazon และ eBay และตามมาด้วยแพลตฟอร์มของประเทศอย่าง Otto นั่นเอง
6. ฝรั่งเศส (France)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 5.1%
(เว็บไซต์ https://www.cdiscount.com/)
ฝรั่งเศสเข้ามาในอันดับที่ 6 ด้วย 2 แพลตฟอร์มชื่อดังของประเทศอย่าง Odigeo และ Cdiscount ถึงแม้แพลตฟอร์มยักษใหญ่ของโลกอย่าง Amazon จะตามมาติด ๆ ในแพลตฟอร์มยอดฮิตของประเทศนี้ แต่
แพลตฟอร์มท้องถิ่นก็ยังคงพยายามที่จะรักษาความได้เปรียบและความเหนือกว่าแพลตฟอร์มคู่แข่งจากสหรัฐฯเอาไว้ได้อยู่ดี
7. เกาหลีใต้ (South Korea)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 9.8%
(เว็บไซต์ http://global.gmarket.co.kr/)
เกาหลีใต้ เป็น
ประเทศที่มีความเร็วของอินเทอร์เน็ตไร้สายที่เร็วที่สุดในโลก นอกจากจะมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซสูงแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในผู้นำของ m-Commerce โลกที่น่าจับตามองอีกหนึ่งประเทศ โดยความยิ่งใหญ่ของตลาดอีคอมเมิร์ซที่นี่ นำโดยใครไม่ได้นอกจาก 2 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง Gmarket และ Coupang นั่นเอง
8. แคนาดา (Canada)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 5.7%
(เว็บไซต์ https://www.costco.ca/)
แม้ติด TOP10 ประเทศที่มีตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดในโลก แต่การแข่งขันของตลาดอีคอมเมิร์ซภายในแคนาดายังถือว่ามีการแข่งขันที่ไม่สูงนัก นำโดยแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Amazon และตามมาด้วย Costco ซึ่งจากการที่มีการแข่งขันที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่มีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมากระดับโลก ทำให้แคนาดากลายเป็นดินแดนเนื้อหอมของอีกหลายแพลตฟอร์มทั่วโลก ที่พยายามจะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดและโอกาสต่าง ๆ นั่นเอง
9. รัสเซีย (Russia)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 2%
(เว็บไซต์ https://www.citilink.ru/)
แม้จะเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในยุโรป แต่
ตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศนี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงตั้งไข่ที่มีส่วนแบ่งของการซื้อขายในอุตสาหกรรมค้าปลีกอยู่ที่เพียง 2% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในบรรดาประเทศ TOP10 โดยแพลตฟอร์มยอดนิยมของประเทศนี้ ได้แก่ Ulmart, Citilink และ Ozon
10. บราซิล (Brazil)
- มูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อีคอมเมิร์ซ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ของอุตสาหกรรมค้าปลีก: 2.8%
(เว็บไซต์ https://www.mercadolivre.com.br/)
ประเทศจากทวีปอเมริกาใต้เพียงประเทศเดียวที่สามารถเข้ามาติดโผล่ TOP10 ประเทศที่มีตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดในโลกได้ โดยมี
อัตราการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซสูงถึง 22% ถึงแม้จะเป็นที่หมายตาของแพลตฟอร์มจากประเทศในโซนอเมริกาเหนือ แต่แพลตฟอร์มชั้นนำก็ยังคงเป็นแพลตฟอร์มของประเทศอย่าง MercadoLibre และ B2W
ทายถูกกันกี่ประเทศเอ่ย? จากข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดนี้เห็นได้เลยว่า อีคอมเมิร์ซ ถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโลกและมีการเปลี่ยนแปลงเกิดทุกแทบทุกวันก็ว่าได้ ในอนาคตอันดับต่าง ๆ จะมีการเปลี่ยนแปลง หรือจะมีผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน และประเทศไทย จะดันตัวเองเข้าไปสู่ TOP10 กับเขาได้บ้างหรือไม่ ต้องคอยจับตาดูกันไว้ให้ดี
รู้หรือไม่?!
- อีคอมเมิร์ซ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาสู่อุตสาหกรรมในทุกปีทั่วโลก
- จีน ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่แห่งตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยมีการคาดการณ์มูลค่ารวมของตลาดอีคอมเมิร์ซจีนในแต่ละปีว่ามีมูลค่าสูงถึง 672 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การใช้ IoT หรือ Internet of things เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโตมากยิ่งขึ้น
ETDA กับการสำรวจมูลค่าอีคอมเมิร์ซประเทศไทย
- การสำรวจมูลค่าอีคอมเมิร์ประเทศไทยนั้น เป็นการสำรวจตัวเลขสำคัญหนึ่งของ Digital Economy ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา การดำเนินการนี้ของ ETDA ได้รับการยอมรับจาก UNCTAD (UN Conference on Trade and Development) แห่งสหประชาชาติ จากการดำเนินงานที่อ้างอิงตามมาตรฐานการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลในระดับสากล
- ตัวเลขที่ได้สามารถนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ เครือข่ายสมาคม และภาคเอกชนสามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการสำรวจนี้ ไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ จัดทำนโยบาย และสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจดิจิทัลที่อยู่ใน Ecosystem ของอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ETDA จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ร่วมตอบ แบบสำรวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี 2564 ถึง 30 มิถุนายน 2564 ผ่าน https://www.etda.or.th/ecommercesurvey
- สำหรับรายงานฉบับล่าสุด ก่อนการสำรวจนี้ สามารถติดตามได้ที่ รายงานผลการสำรวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี 2562
ที่มา
The 10 Largest E-commerce Markets in the World by Country
อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ถือเป็นปรากฏการณ์ “การซื้อ-ขาย” สินค้า ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของรูปแบบการดำเนินชีวิต